=20 May 2010=

ถ้าใครขี้เกียจอ่านทั้งหมดก็ดูวิดีโอได้นะครับ สรุปรวมมาได้พอสมควรเลย
ดูจบแล้วก็น่าจะลูบปากรอกันว่าเมื่อไหร่จะได้ใช้บนโทรศัพท์กันแน่ๆล่ะครับ

Play video

ฟีเจอร์เด่นที่เอามาบอกกันในงาน Google I/O นะครับ รายละเอียดตามนี้เลย

Speed and Performance – ด้วยDalvik JIT complier เพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 2-5เท่า เมื่อเทียบกับ Android 2.1 ( Nexus1 กิน Froyo(Android 2.2) แล้วผอม+แรงดีขึ้น 450%!!!! )

Browserที่แรงและเร็วขึ้น – มีการนำ V8 JavaScript engine มาใช้บน Android ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของ browser ดีขึ้น 2-3 เท่าตัว

เพิ่มเติม API และบริการต่างๆอีกเพียบ – เช่น data backup APIs ที่ทำให้สามารถ backupหรือrestoreข้อมูล ทำให้เมื่อเปลี่ยนเครื่องหรือfactory reset ก็จะrestore appต่างๆ พร้อมข้อมูลที่เราใช้ล่าสุดกลับมาเหมือนเก่าทันที และที่เจ๋งมากๆอีกอย่างคือเรื่องการใช้ Android Cloud to Device Messaging ที่จะช่วยให้ไม่ต้องมานั่ง update ข้อมูลแบบเก่า ตั้งเวลากี่นาทีถึงจะไปดึงข้อมูลใหม่ แต่นี่เราจะได้ push notification มาใช้กัน ซึ่งในงานก็จิกกัด apple ว่าไม่ใช่แค่ push notification ที่มาทดแทนการทำงานแบบ multi-tasking แต่มันทำได้มากกว่านั้น คือ ส่ง msgไปแล้ว executeบน android ได้เลย ตัวอย่างเช่น เลือกตำแหน่งบน google maps on desktop แล้วโยนไปบน android ได้เลยทันที

App2SD – แล้วมันก็มา ฮีโร่ของเหล่าเครื่องที่มี Rom กระจ้อยร่อย ลงโปรแกรมลงบน SD card กันเอาให้ตายไปข้าง และเหล่านักพัฒนา ก็สามารถประกาศได้ว่า app ของเค้าควรจะ install ลงบนเครื่องหรือบน sd card หรือให้ระบบสามารถเลือกได้เองว่าควรลงที่ไหน

Android Market – เปิดระบบ Auto-Update หรือ Update All มาให้ พอกันทีที่ต้องมานั่งกด update ทีละตัว ใครที่ลงโปรแกรมเยอะๆและต้องมานั่งกด update น่าจะชอบฟังก์ชั่นนี่ดี

Over-the-air app sync – เปิดระบบการเลือกapp บนคอมและสามารถ install บนมือถือได้เลยทันที

Android Market(dev) – เปิดระบบ Error Reports ให้ใช้ ทำให้ผู้พัฒนาสามารถเชคได้ว่าโปรแกรมตัวเองมีปัญหาตรงไหนอย่างไร ซึ่งจะมีผลทำให้การพัฒนาโปรแกรมจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นมากๆ

Music – มีการออกแบบ UI ใหม่ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น (เหมือน iPhone มากขึ้น :P) และสามารถ sync Android กับ iTunes และทำ live-stream ไปยังโทรศัพท์ได้ผ่านทาง Simplify Media (แสบบบบ)

Home screen – ปรับปรุงใหม่ให้มี tips widget ช่วยให้มือใหม่เข้าใจการใช้งานมากขึ้น มีปุ่มโทรศัพท์ app drawer และ browser มาให้บนหน้าจอทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น

Camera and Gallery – แกลลอรี่ตอนนี้สามารถเข้ากองภาพโดยใช้ pinch zoomแล้ว(เหมือน iPad) ปรับปรุง UI สำหรับกล้องถ่ายรูป และกล้องวิดิโอ และสามารถเปิดflashตลอดเวลาตอนถ่ายวิดีโอ ทำให้สามารถถ่ายได้ถึงแม้จะอยู่ในสภาพแสงไม่ดี

เพิ่มความสามารถสำหรับงานองค์กร – ด้วย soft Exchange integration ทำให้ผู้ใช้สามารถหา account ได้โดยอัตโนมัติ หรือการ sync ปฎิทิน และเพิ่มเติมเรื่องการควบคุมความปลอดภัยบนอุปกรณ์ เช่น remote wipe, minimum password, lockscreen timeout etc.

Camera and Accelerometer บน browser – ปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้ดีขึ้น

Portable Hotspot -เปลี่ยนเจ้า Android ให้กลายเป็น wifi hotspot ที่สามารถshare ได้ถึง 8 เครื่อง(โอ้ววว) หรือว่าจะต่อผ่านสาย usb ก็ได้ (เพิ่มเติม…)

Language – สามารถเพิ่มภาษาให้กับ Virtual keyboard และเปลี่ยนภาษาได้โดยถูลากบนspace bar ซึ่งจะเป็น layout และ dictionary ให้ใหม่ด้วย และยังมีการแปลภาษาแบบ real-time เพิ่มเติมเข้ามาให้อีก

การสั่งงานและจดจำเสียง – ซึ่งทำให้ลื่นขึ้น และสามารถสั่งงานด้วยภาษาจีนและญี่ปุ่นได้ รวมถึงการจดจำเสียงสำหรับการโทรออกอีกด้วย

Flash Player 10.1 Public Beta และ AIR developer pre-release – ใช้งาน flash ได้แล้วบน Android 2.2 และมี Adobe AIR มาให้ตกใจเล่นอีกด้วย

Colored Trackball – trackball ของ NX1 มันมีสีให้เล่นอยู่แล้วแต่ว่าFWก่อนหน้าไม่มีตัวไหนทำ support มา

Friendlier USB Connectivity – เพิ่ม screen เพิ่มบอกคนใช้ว่าอยู่ระหว่างการใช้งาน ปรับปรุงฟีเจอร์นี้มาให้สำหรับเหล่าผู้ใช้หน้าใหม่นั่นเอง

Car docking – เมื่อ NX1 เสียบเข้าไปแล้ว มันจะมีการเปลี่ยน layout ไปพอสมควร เพิ่ม music and phone icon และปุ่ม exit จาก car mode ซึ่งเมื่ออกไปหน้า home แล้วก็สามารถหมุนเป็นแนวนอนได้ ซึ่งบน 2.1 ไม่สามารถทำได้

และนี่คาดว่าน่าจะเป็น update หลักๆทั้งหมดของ Froyo (Android 2.2) เยอะมากกกกก ในupdateนี้ มีหลายอย่างที่ไม่เคยรู้แต่ผมชอบหลายตัว เช่น ตัว push notification ที่จะทำให้กินไฟน้อยลงเพียบ เพราะไม่ต้องมาคอย syncทุกๆเท่านั้นเท่านี้นาที และปรับปรุง music UI ที่ apple คงจะแค้นอีกเหมือนกันเพราะเล่น copy ไปหมดแถมยังเอามา sync ผ่าน iTune ตบหน้ากันเล่นอีกต่างหาก และจากที่เห็นว่ามีการทำ user friendly มากขึ้น แสดงว่าตัวหลักๆที่ต้องทำการพัฒนาเริ่มนิ่งแล้ว ทำให้ android team ก็เริ่มมามองในส่วนนี้มากขึ้น และเป็นผลดีต่อ user ทั่วไปอย่างแน่นอน ซึ่งท่าทางเมื่อเจ้าหุ่นกระป๋องเขียวเริ่มกิน Froyo กันอย่างแพร่หลายเมื่อไหร่ Appleก็คงมีงานเข้าแน่ๆแล้วล่ะครับ คราวนี้ ;D

ที่มาและภาพ androidspin และ androidpolice